วิธีระบายความร้อนในโกดัง,โรงงาน ปี 2025

ไม่ว่า โกดัง โรงงานที่ไหน มันก็โคตรจะร้อนเลยใช่ไหมครับ จริงๆแล้วมันก็คือพื้นที่กว้างๆ ที่ถูกคลุมด้วยหลังคา ถ้าเป็นแค่นี้ ก็อากาศหรือลมก็ยังถ่ายเท แต่พอเราเอาผนังมาปิดไว้ 4 ด้าน ทำให้อากาศด้านในไม่ถ่ายเท อ้าว และเป็น ลมตาย หรือ “dead air”  อากาศที่นิ่ง ไม่หมุนเวียน ไม่มีการแลกเปลี่ยนอากาศนี่แหละ ทำให้อาคารร้อน ยิ่งบวกกับอากาศที่ร้อนมากๆของประเทศไทย ยิ่งทำให้อากาศ dead air ที่ว่า เป็น dead air ที่ร้อน เพิ่มความร้อนเข้าไปอีก

แอดมินจะนำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ระบายความร้อในโกดังให้ฟัง

หลักการออกแบบระบายความร้อนในโกดังโรงงาน

เราต้องเข้าใจก่อนว่าความร้อนเกิดจากอะไร และ มันไปอยู่ที่ไหนกัน ถ้าตามหลักการ อากาศร้อนจะเบากว่าอากาศเย็น และมันจะลอยตัวขึ้นสูง ฉนั้นยิ่งสูงจะยิ่งร้อน เราจะเอาตรงนี้มาออกแบบเป็นหลัก เริ่มด้วย

1. ความสูงอาคาร ความสูงที่แนะนำคือ 6 เมตรขึ้นไป ที่ดีคือ 12 เมตรแต่จะแพง ฉะนั้นจึงแนะนำที่ความสูง 6-9 เมตร ระบบระบายอากาศต่างๆ จึงนิยมทำกันที่สูง
2. ตำแหน่งระบายความร้อน เช่น lover sheet หรือ jack roof จะเน้นให้อยู่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดย louver sheet จะอยู่ที่ด้านข้างอาคาร ถัดจากชั้นหลังคาลงมา และ jack roof จะอยู่จุดสูงสุด เพื่อให้อากาศร้อนได้ลอยตัวขึ้นบนและระบายออกได้
3. วัสดุ วัสดุจะช่วยลดและเพิ่มการถ่ายเทความร้อนได้ โดนเราจะเน้นติดจุดที่ ความร้อนสัมผัสมากที่สุด นั้นก็คือหลังคา และรองลงมาคือผนัง  โดยหลังคาเราควรจะติดแผ่นฉนวนกันความร้อน ชนิดใดก็ได้ แต่ควรจะมี และสำหรับผนังควรเลือกทาสีที่ลดความร้อน  

ยังร้อนอยู่ ?อยากเอาแบบเอาอยู่ไปเลย

ที่กล่าวมาข้างต้นคือวิธีทั่วๆไปที่ออกแบบก่อสร้างใช้งานกันทั่วไป ข้อดีคือราคาถูก ใช้งานได้เลย การดูแล pm ต่ำ แต่ข้อเสียคือระบบนี้ต้องรอลมธรรมชาติเข้ามาช่วย ถ้าไม่มีลมธรรมชาติก็คือไม่สามารถเอาอากาศร้อนให้ออกไปได้ ไม่มีการแลกเปลี่ยนอากาศ ทำให้ร้อนและอ้าวอยู่ดี

ทีนี้ถ้าเราอยากเอาชนะความร้อน เราก็ต้องสร้างลมขึ้นมาแทน โดยวิธีที่นิยมคือการใช้ M&E ระบบไฟเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นลูกหมุนไฟฟ้า หรือ พัดลม แต่วันนี้แอดมินจะนำเสนอวิธีใช้พัดลม fan farm เรียนแบบลมธรรมชาติ โดยใช้หลักการ ดึงอากาศภายนอกเข้ามา และดูดอากาศร้อนภายในออกไป

ข้อดีคือ 

1. แก้ปัญหาตรงจุดแน่นอน 
2. ลดอากาศร้อนภายในอาคาร (ถ้าติดระบบ evap ให้ลมผ่านน้ำ ยิ่งช่วยได้มากขึ้น )

ข้อเสีย

1. เสียงดังพอสมควร
2. ต้องมีการซ่อมบำรุงหรือ pm เข้ามาด้วย (มีอายุการใช้งาน)

แถมเล็กน้อย

ถึงทั้งหมดที่กล่าวมา ก็เป็นเพียงการออกแบบโกดัง โรงงานทั่วไปเท่านั้น เมื่องก่อสร้างเสร็จก็จะเป็นรูปแบบที่เคยเห็นกันทั่วไป แต่แท้จริงแล้วการออกแบบทางสถาปัตยกรรม การดูทิศทางแดดและลม ส่งผลและมีส่วนช่วยให้อาคารเย็นขึ้นอย่างแท้จริง แอดมินจะลงโปรเจ็คตัวอย่างให้ดู 

ทำไมต้องเลือก Easy Warehouse ?

Easy Warehouse Thailand ไม่ได้เป็นแค่ผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่เราคือคู่คิดที่พร้อมจะเดินไปกับคุณในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ วางแผนงบประมาณ ไปจนถึงการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและพร้อมแนะนำโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่การใช้งานและงบประมาณ ไม่ว่าคุณจะต้องการโครงการขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เราพร้อมช่วยให้คุณได้พื้นที่ที่สมบูรณ์แบบ

สรุปวิธีระบายความร้อนในโกดังโรงงาน 

วิธีลดความร้อนในโกดังโรงงานจะมีให้เลือก 2 แบบหลักคือ

1. วิธีระบายความร้อนโดยใช้ลมจากธรรมชาติ เช่น การออกแบบอาคารให้สูง การติด louver sheet การติด jack roof การเลือกวัสดุฉนวนกันความร้อน โดยมีข้อดีคือแบบนี้ ราคาถูกที่สุด ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องดูแลรักษา ข้อเสียคือ ต้องอาศัยลมธรรมชาติเท่านั้น ถ้าวันไหนไม่มีลมคืออากาศจะไม่ระบาย 
2. วิธรระบายความร้อนด้วยระบบ เครื่องกล (M&E) เป็นการติดพัดลม หรือระบบระบายอากาศต่างๆให้อาคาร เช่น ลูกหมุนไฟฟ้า fan farm ด้านข้างอาคาร หรือระบบ evap ลมเย็น หรือ big fan โดยระบบนี้จะมีข้อดีคือ เปิดไฟปุ๊บลมเย็นมาแน่นอน ข้อเสียคือ มีต้นทุนเรื่องไฟฟ้า ต้นทุนด้านการซ่อมบำรุง และราคาที่แพงขึ้น

หากเราเน้นเรื่องต้นทุน ควรเลือกวิธีที่ 1 และเพิ่มหลักหรือวิธีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมบางอย่างเข้าไปช่วย เช่นมุมอาคาร ตำแหน่งอาคาร 

และควรเลือกวิธีที่ 2 หากเราวิธีที่ 1 ยังไม่ตอบโจทย์มากเกินพอ 

( สามารถดูผลงานจากเวปเราได้ )